แก๊งคอลเซ็นเตอร์มามุกใหม่ หลอกเหยื่อพัวพันยาเสพติดให้ไปซ่อนตัว โทรขู่แม่โอนเงินค่าไถ่ 3 ล้าน – Sport365TH

แก๊งคอลเซ็นเตอร์มามุกใหม่ หลอกเหยื่อพัวพันยาเสพติดให้ไปซ่อนตัว โทรขู่แม่โอนเงินค่าไถ่ 3 ล้าน


แก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบใหม่ อ้างเป็น ปปง. แจ้งเหยื่อว่าพัวพันกับยาเสพติด ให้ไปเช่าโรงแรมกบกดาน ส่วนคนร้ายอีกทีมติดต่อกับแม่ของเหยื่อ หลอกว่าถูกจับเรียกค่าไถ่ ให้โอนเงินมา 3 ล้าน

จากกรณี “พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ” จัดชุดสืบสวนเข้าดำเนินการช่วยเหลือเหยื่อสาว หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีหลอกแบบใหม่ อ้างตัวเองเป็น ปปง. แล้วแจ้งเหยื่อว่าพัวพันกับยาเสพติด ให้เหยื่อไปเช่าอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย เมื่อเหยื่อเปิดห้องที่พักแล้ว จะสั่งการควบคุมโดยวิดีโอคอลคุยกับเหยื่อ ว่าให้ทำตามคำสั่ง ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี โดยคนร้ายอีกทีมติดต่อกับแม่ของเหยื่อ หลอกว่าเหยื่อถูกจับเรียกค่าไถ่ โดยให้แม่โอนเงินมาเพื่อให้ลูกปลอดภัยจำนวน 3 ล้านบาท พบว่าคนร้ายทั้งหมดสั่งการอยู่ประเทศกัมพูชา

พฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 12.56 น. คนร้ายซึ่งเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้เบอร์โทรศัพท์หมายเลข 69895812XXXX โทรหาเหยื่อสาวชื่อ “นางสาว อ.” นามสมมติ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านลาดกระบัง กทม. อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทไปรษณีย์ไทย แจ้งว่าตัวเหยื่อเป็นผู้ส่งพัสดุผิดกฎหมาย ได้ถามย้ำว่าใช้ตัวเหยื่อเป็นผู้ส่งหรือไม่ เมื่อเหยื่อตอบว่าไม่ใช่ จึงแนะนำให้ไปแจ้งความ โดยอ้างว่าพัสดุส่งจากจังหวัดสงขลา จึงต้องไปแจ้งความที่จังหวัดสงขลา แต่เหยื่อบอกไม่สะดวก บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จึงอาสาประสานติดต่อ ตำรวจให้เพื่อแจ้งความเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

ต่อมามีการโอนสายให้บุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ เหยื่อจึงได้แจ้งความตามเรื่องที่บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยบอกให้ตำรวจทราบ เพื่อแจ้งความ และตำรวจได้ทำทีเช็กประวัติ กระทั่งอ้างว่าพบบัญชีธนาคารของเหยื่อเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน ตำรวจจึงได้สอบถามข้อมูลการเงินของเหยื่อ โดยให้รวมเงินจากทุกบัญชีธนาคารที่มีเข้ามาในบัญชีธนาคารเดียว และโอนเข้าบัญชีคนร้าย โดยอ้างว่าเพื่อทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยละเอียดว่าเกี่ยวข้องกับขบวนฟอกเงินหรือไม่

จากนั้นคนร้ายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ได้สอบถามว่าตัวเหยื่อว่าอยู่ไหน เหยื่อก็ตอบว่าอยู่มหาวิทยาลัย จึงให้เหยื่อย้ายสถานที่ไปโรงแรมใกล้มหาวิทยาลัย เหยื่อจึงเลือกโรงแรมแถวสนามบินสุวรรณภูมิ

ต่อมาตำรวจที่คุยช่วงแรก ได้ให้คุยกับตำรวจที่อ้างว่าเป็นยศผู้กำกับ สังกัด ปปง. และได้สอบถามว่าที่บ้านประกอบธุรกิจอะไร เหยื่อก็บอกข้อมูล ชื่อ สกุล เบอร์โทรของพ่อ แม่ ไปหมด ทั้งนี้คนร้ายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ได้ขอตรวจสอบหลักทรัพย์ บัญชีธนาคารของพ่อแม่เหยื่อ โดยให้เหยื่อบอกแม่ว่า เหยื่อถูกลักพาตัว เพื่อให้แม่โอนเงินมาตรวจสอบด้วยความรวดเร็ว และกำชับว่าในระหว่างที่อยู่โรงแรมห้ามเหยื่อติดต่อใคร โดยบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจจะติดต่อกับแม่เอง แล้วแจ้งว่าเมื่อตรวจสอบเสร็จ จะโอนคืนเงินทั้งหมดให้

s__5054501

ส่วนคนร้ายอีกทีม จะโทรติดต่อแม่ของเหยื่อ ด้วยไลน์ของเหยื่อ ซึ่งเหยื่อได้ให้รหัสคนร้ายไว้ จึงทำให้แม่เชื่อว่าลูกสาวหรือเหยื่ออยู่กับคนร้ายจริงและตกอยู่ในอันตราย โดยคนร้ายขู่กับแม่ว่าจะตัดนิ้วของเหยื่อ ถ้าแม่ไม่โอนเงินจำนวน 3 ล้านบาทเข้าบัญชีของเหยื่อ ต่อมาครูและคุณพ่อได้แจ้งขอความช่วยเหลือต่อ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวพ่อแม่ของเหยื่อเอะใจ จึงขอความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจ เบื้องต้นจากการตรวจสอบและเข้าช่วยเหลือ พบว่าเหยื่ออยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว โดยคนร้ายรีบตัดสายสนทนาทิ้งทันที โดยจากการสืบสวนพบว่าคนร้ายทั้งหมดได้กระทำความผิดอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ใช้การโทรศัพท์และควบคุมเหยื่อด้วยการวิดีโอคอล

ถือว่าเป็นวิธีการกระทำความผิดแบบใหม่ของคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์นี้ จะแยกการหลอกเหยื่อ และผู้ปกครองเหยื่อ โดยอ้างใช้การเรียกค่าไถ่ และข่มขู่จะตัดนิ้วเพื่อให้ผู้ปกครองยอมโอนเงินทั้งหมดให้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังเพื่อออกปฏิบัติการเนื่องจาก ผู้ปกครองเป็นห่วงความปลอดภัย เข้าใจว่าเป็นเรื่องเรียกค่าไถ่จริง สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมเป็นอย่างมาก อยากประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันในรูปแบบใหม่ของขบวนการคอลเซ็นเตอร์นี่ และขอเตือนคนไทยที่ร่วมกระทำผิด

แหล่งที่มา

About The Author

Scroll to Top